ศันสนีย์ วัฒนานุกูล (ชื่อเล่น: นิด) เป็นนักพากย์และนักแสดงหญิงชาวไทยที่มีผลงานแสดงทั้งในวงการภาพยนตร์และโทรทัศน์มานาน เธอเกิดเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2488 โดยมีชื่อเดิมว่า สมานวรวงศ์ แต่ภายหลังได้เปลี่ยนสกุลเป็น วัฒนานุกูล ซึ่งเป็นภาษาอังกฤษของนามสกุล “Sunthornvichit”. เธอมีความสนใจในการแสดงและพากย์เสียงตั้งแต่เร็วมาก และได้เริ่มต้นการแสดงและพากย์เสียงในปี พ.ศ. 2516
ในช่วงต้นที่เข้าสู่วงการบันเทิง ศันสนีย์มีผลงานทางภาพยนตร์และละครมากมาย ซึ่งระหว่างนี้เธอได้รับรางวัลพระราชทานพระสุรัสวดี ครั้งที่ 14 สำหรับสาขาพากย์หญิงยอดเยี่ยม จากภาพยนตร์เรื่อง “นางอาย” ในปี พ.ศ. 2533 และได้รับรางวัลภาพยนตร์แห่งชาติ สุพรรณหงส์ ครั้งที่ 19 สำหรับสาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม จากภาพยนตร์เรื่อง “ความจำสั้น แต่รักฉันยาว” ในปี พ.ศ. 2552 อีกทั้งยังได้รับรางวัลโทรทัศน์ทองคำ สาขาผู้พากย์ดีเด่น จากการทำงานในอนิเมะเรื่อง “เซเลอร์มูน คริสตัล” ในปี พ.ศ. 2559
หลังจากนั้นศันสนีย์ได้ผันตัวเข้าสู่การเป็นนักพากย์ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2525 และมีผลงานการพากย์ในหลากหลายรูปแบบ รวมถึงภาพยนตร์ ซีรีส์ และอนิเมะ โดยเธอได้รับความเคารพจากผู้ชมในฐานะนักพากย์ตัวละครอนิเมะชั้นนำ ซึ่งบางภาพยนตร์ที่เธอได้พากย์ทำให้ตัวละครกลายเป็นตัวละครที่มีชื่อเสียง เช่น โนบิ โนบิตะ จากอนิเมะเรื่อง “โดราเอมอน”, โนริมากิ อาราเล่ จากอนิเมะเรื่อง “ดร.สลัมป์กับหนูน้อยอาราเล่”, คิโนมิยะ ทาคาโอะ จากอนิเมะเรื่อง “เบย์เบลด ศึกลูกข่างสะท้านฟ้า”, และคิโนโมโตะ ซากุระ จากเรื่อง “ซากุระ มือปราบไพ่ทาโรต์” เป็นต้น
ด้วยผลงานแสดงที่น่าประทับใจและความสามารถในการพากย์เสียงที่น่ายกย่อง ศันสนีย์ วัฒนานุกูล (นิด) นับเป็นนักพากย์และนักแสดงที่มีชื่อเสียงและติดอันดับสูงในวงการบันเทิงไทย
เมื่อศันสนีย์เรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จากโรงเรียนสตรีประเทืองวิทย์ และชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 8 จากโรงเรียนสันติราษฎร์บำรุง ต่อมาเธอได้เข้าศึกษาต่อในคณะมนุษยศาสตร์ สาขาสื่อสารมวลชน ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และสำเร็จการศึกษาด้วยปริญญาศิลปศาสตร์บัณฑิต สาขาสื่อสารมวลชน ในระดับปริญญาตรี ตลอดเวลาที่เธอเป็นนักศึกษา ศันสนีย์มีความมุ่งมั่นในการเรียนและทำงานอย่างเต็มที่เพื่อพัฒนาทักษะในสาขาวิชาของเธอ
ศันสนีย์เข้าทำงานในแผนกส่งเสริมรายการของบริษัทไทยโทรทัศน์จำกัด (ช่อง 4 บางขุนพรหม) เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2512 โดยมีสอาด เปี่ยมพงษ์สานต์ เป็นหัวหน้าแผนกนั้น ในตอนแรกศันสนีย์ได้รับหน้าที่เป็นนักแปลของนิตยสารไทยโทรทัศน์ ซึ่งเป็นผู้ประกาศข่าวสารในสถานี ในปี พ.ศ. 2515 สอาดได้ย้ายไปทำงานในด้านโทรทัศน์และเข้าสู่ตำแหน่งที่เป็นผู้ตัดสินใจกำกับการแสดงภาพยนตร์สำหรับมัณฑนา โมรากุล ในภาพยนตร์เรื่อง “มารรัก” นั้น ศันสนีย์ได้รับการสะอาดชักชวนให้มารับบทน้องสาวของนางเอก หลังจากนั้น ศันสนีย์ได้มีโอกาสแสดงภาพยนตร์อีก 2 เรื่องคือ “ตลาดอารมณ์” และ “คู่หู” หลังจากนั้นเธอก็เปลี่ยนตำแหน่งงานเพื่อทุ่มเทให้กับงานทางด้านโทรทัศน์
ศันสนีย์ได้มีการร่วมแสดงในละครยาวของคณะวิชชุประภาส์ เรื่อง “ชลธีพิศวาส” และต่อมาก็ได้เริ่มเป็นตัวประกอบในละครหลายเรื่อง โดยละครเรื่องแรกที่เธอเข้าร่วมคือ “เจ้าสาวคืนเดียว” ที่ร่วมแสดงกับสายัณห์ จันทรวิบูลย์ นอกจากนี้เธอยังเคยมีการแสดงในละครโทรทัศน์เรื่อง “บ้านทรายทอง” ในช่องไทยทีวีสี ช่อง 9 ซึ่งเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2520 โดยเธอได้รับบทเป็นพจมาน สว่างวงศ์ และเข้าร่วมแสดงในละครโทรทัศน์เรื่อง “คู่กรรม” โดยเธอรับบทเป็นอังศุมาลิน
เนื่องจากความสามารถในการแสดงและการพูดต่อสื่อที่เก่งกล้าของศันสนีย์ ทำให้เธอได้รับงานในฐานะพิธีกรในรายการต่างๆ เช่น นางฟ้า, คนเด่นคนดัง, เสาร์สนุก, แม่บ้านสมองไว, เพื่อนเด็ก และมีส่วนร่วมในการจัดรายการต่างๆ อีกทั้งยังมีงานในการพากย์เสียง เริ่มต้นในปี พ.ศ. 2523 โดยเริ่มต้นด้วยงานพากย์เสียงในโฆษณา จัดรายการ อ่านข่าว และทำงานพากย์เสียงในการ์ตูน ในตอนแรกมีนักพากย์เพียง 4 คน ซึ่งเธอเองก็เป็นหนึ่งในนักพากย์คนนั้น รวมถึง นิรันดร์ บุญยรัตพันธุ์, ฉันทนา ธาราจันทร์, และเรวัติ ศิริสรรพ์
ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2525 เป็นต้นมา ศันสนีย์เริ่มทำงานในการใช้เสียงในฐานะนักพากย์ และได้รับงานในการพากย์เสียงภาพยนตร์ทั่วไปและการ์ตูนจากหลายแห่งที่แตกต่างกัน
ศันสนีย์กลับมาแสดงภาพยนตร์อีกครั้งในปี พ.ศ. 2549 ในภาพยนตร์ “แก๊งชะนีกับอีแอบ” และในปี พ.ศ. 2552 ศันสนีย์ได้รับบทเป็นสมพิศในภาพยนตร์ “ความจำสั้นแต่รักฉันยาว” ที่เธอได้รับรางวัลนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมจาก 3 สถาบัน นับว่าเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่สำหรับเธอ
ตั้งแต่นั้นมา ศันสนีย์มีงานการแสดงเรื่อยๆ ที่มามากขึ้น โดยได้รับบทในหลากหลายภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ ทำให้เธอกลายเป็นนักแสดงที่คนไทยหลายคนรู้จักและนับถืออย่างยิ่ง
เรียบเรียง เพลงไทยยุค 80-90